5 ประเภทกระจกประหยัดพลังงานที่สถาปนิกเลือกใช้

Energy Glass

ความจริงแล้ว “กระจก” ไม่ใช่แค่ผิวอาคารที่บ่งบอกเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรม แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง อาคารประหยัดพลังงาน ที่ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์ ความสบาย และความยั่งยืน

ในยุคที่ Green Building และมาตรฐานด้านพลังงานอย่าง LEED หรือ WELL กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของสถาปนิกและนักออกแบบ การรู้จักเลือกใช้ กระจกประหยัดพลังงาน จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ

กระจกประหยัดพลังงานคืออะไร?

กระจกประหยัดพลังงาน (Energy Saving Glass) หมายถึงกระจกที่ถูกออกแบบให้ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนและควบคุมปริมาณแสงที่เข้าสู่ตัวอาคาร เพื่อให้ผู้ใช้อาคารได้รับความสบายทางความร้อน (thermal comfort) โดยที่ยังใช้แสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ส่งผลโดยตรงต่อการลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศและไฟฟ้า

5 ประเภทกระจกประหยัดพลังงานที่สถาปนิกเลือกใช้

กระจกประหยัดพลังงาน koolmax

1.กระจกประหยัดพลังงาน koolmax ที่ผ่าน EIA (กระจกลามิเนตประหยัดพลังงาน)

  1. กระจกประหยัดพลังงาน Kool Max ที่ตอบรับเทรนด์ประหยัดพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
  2. มีเพิ่มคุณสมบัติพิเศษช่วยกันความร้อนเข้าสู่พื้นที่ด้านในได้ดี
  3. แต่ยังเปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องผ่านได้มาก
  4. ป้องกันรังสี UV ได้มากถึง 99.99%
  5. ทำให้ในอาคารโปร่งสบาย แต่ไม่ร้อนอบอ้างระหว่างวัน
  6. ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยด้วยกระจกลามิเนต
  7. ช่วยในการกันเสียงได้ดี
  8. พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์อาคารที่ต้องการผ่านมาตรฐาน EIA
  9. เหมาะกับอาคารที่ต้องการทั้งความสวยงาม ความแข็งแรง และการประหยัดพลังงาน

 

กระจก Low-E

2. กระจก Low-E (Low Emissivity Glass)

  • กระจกที่เคลือบสารพิเศษที่ช่วยสะท้อนความร้อนและรังสีอินฟราเรดจากแสงอาทิตย์
  • ยังคงให้แสงธรรมชาติเข้ามาโดยไม่ทำให้แสงภายในอาคารหม่น
  • เหมาะกับอาคารสำนักงานและที่พักอาศัยที่ต้องการลดค่าไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศ

 

กระจก IGU

3. กระจก Double Glazing / IGU (Insulated Glass Unit)

  • กระจก 2 ชั้น มีช่องว่างอากาศหรือก๊าซเฉื่อยคั่นกลาง
  • ลดการถ่ายเทความร้อนและช่วยกันเสียง
  • เมื่อนำมาใช้ร่วมกับ Low-E จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานได้สูงสุด

 

กระจก Reflective

4. กระจก Reflective Glass (กระจกสะท้อนแสง)

  • เคลือบสารสะท้อนแสงเพื่อกันความร้อนจากรังสีดวงอาทิตย์
  • ลดปริมาณความร้อนที่เข้าสู่อาคาร พร้อมให้ดีไซน์ฟาซาดที่มีมิติและโดดเด่น
  • นิยมใช้กับอาคารสูงและอาคารเชิงพาณิชย์

 

กระจก Tinted Glass (กระจกสีตัดแสง)

5. กระจก Tinted Glass (กระจกสีตัดแสง)

  • มีสีในตัว เช่น เขียว เทา น้ำเงิน ช่วยลดความเข้มของแสงที่เข้าสู่ภายใน
  • ลดการสะสมความร้อนในอาคาร
  • ตอบโจทย์งานดีไซน์ที่ต้องการเพิ่มมิติด้านสีสันให้กับอาคาร

 

ทำไมสถาปนิกควรเลือกกระจกประหยัดพลังงาน?

  • ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน: ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและไฟฟ้า
  • เพิ่มความสบายให้ผู้ใช้อาคาร: รักษาอุณหภูมิและคุณภาพแสงภายใน
  • ช่วยให้อาคารผ่านเกณฑ์มาตรฐานอาคารเขียว (Green Building): เช่น EIA, LEED หรือ WELL
  • ดีไซน์ที่ยั่งยืน: เลือกกระจกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุนทรียศาสตร์และสิ่งแวดล้อม

 

ในโลกของสถาปัตยกรรมยุคใหม่ “การออกแบบที่ยั่งยืน” ไม่ได้หมายถึงแค่โครงสร้างหรือวัสดุหลัก แต่ยังรวมถึงรายละเอียดอย่างการเลือกกระจกที่เหมาะสมด้วย Low-E, Double Glazing, Reflective, Tinted และ Laminated Energy Glass ต่างก็มีคุณสมบัติที่ช่วยให้อาคารสวยงามและประหยัดพลังงานไปพร้อมกัน

 

สำหรับสถาปนิกและนักออกแบบ การเลือกใช้กระจกประหยัดพลังงานจึงไม่ใช่เพียงการตอบโจทย์ฟังก์ชัน แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าในระยะยาว ทั้งต่อผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม

Share the Post: