กระจกแบบไหน จะอยู่รอดในเทรนด์ 2026?

เมื่อ “ความสวยงาม” ไม่ใช่คำตอบเดียวของงานสถาปัตยกรรมอีกต่อไป แต่กระจกที่ดีต้องเป็นมิตรกับ “โลก” และ “ผู้อยู่อาศัย” ไปพร้อมกัน!

 

เมื่อเทรนด์การออกแบบเปลี่ยน วัสดุกระจกก็ต้องเปลี่ยนตาม

ปี 2026 โลกของสถาปัตยกรรมกำลังเดินหน้าสู่ยุคใหม่ที่เน้น Sustainable Design และ Well-being Space อย่างชัดเจน จากเดิมที่อาคารเน้นความโดดเด่นทางดีไซน์เพียงอย่างเดียว วันนี้ “การออกแบบ” กลายเป็นเครื่องมือที่สะท้อนความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้คน

หนึ่งในวัสดุที่มีบทบาทมากที่สุดคือ “กระจกอาคาร” เพราะกระจกไม่เพียงเป็นวัสดุโปร่งแสงที่เชื่อมระหว่างภายในกับภายนอก แต่ยังเป็น “ผิวของอาคาร” ที่ส่งผลต่ออุณหภูมิ พลังงาน และสภาวะสบายของผู้อยู่อาศัยโดยตรง

Sustainable Design

Sustainable Design กระจกอาคารที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน

“Sustainability” ไม่ได้เป็นเพียงคอนเซ็ปต์ แต่คือ เกณฑ์สำคัญของงานออกแบบยุคใหม่ กระจกที่ดีในยุคนี้จึงต้องช่วยลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเลือกใช้กระจกที่ช่วยควบคุมความร้อนจากแสงอาทิตย์ สะท้อนพลังงานความร้อนกลับออกไป และรักษาอุณหภูมิภายในให้สมดุล

ผลลัพธ์คือ อาคารที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ลดการพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ และช่วยให้อาคารผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง EIA, LEED หรือ WELL

 

Well-being Space กระจกอาคารที่ใส่ใจสุขภาพของผู้ใช้งาน

“สุขภาวะ” (Well-being) กลายเป็นหัวใจสำคัญของงานดีไซน์ยุคใหม่ ไม่ใช่เพียงความสวยงาม แต่รวมถึง “ความรู้สึกดีเมื่อได้อยู่ในพื้นที่นั้น” กระจกจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นกระจกที่ช่วยกรองแสง ลดแสงแยงตา กระจกกันเสียงที่ช่วยสร้างความสงบ หรือกระจกที่คงความโปร่งใสแต่ช่วยลดแสงจ้าที่เข้าสู่ด้านในอาคารได้น้อยลง ทำให้รู้สึกสบายตาแม้นั่งอยู่ใกล้กระจกในอาคารสูง

 

Glass Solutions for 2026

3 โซลูชันกระจกแห่งอนาคต…ที่ตอบโจทย์เทรนด์อาคารยุคใหม่

  1. กระจกประหยัดพลังงาน

  • ลดความร้อนจากแสงแดด – ลดการใช้พลังงานในอาคาร
  • ตอบโจทย์งานออกแบบแนว Sustainable Design
  • ช่วยให้อาคารผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
  1. กระจกกันเสียง

  • ลดเสียงรบกวนจากภายนอก สร้างพื้นที่สงบ เหมาะกับอาคารในเขตเมืองหรืออาคารที่อยู่ใกล้พื้นที่ชุมชนที่มีเสียงรบกวน
  • ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มคุณค่าให้โครงการในระยะยาว
  1. กระจกลดแสงสะท้อน

  • ลดแสงแยงตาแต่ยังโปร่งใส ช่วยให้เห็นวิวธรรมชาติได้ชัดเจน
  • เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการบรรยากาศผ่อนคลาย เช่น Lobby, Café, หรือ Co-working Space

 

 TYK SOLUTIONS: โซลูชันกระจกจาก TYK ที่พร้อมอยู่รอดในเทรนด์ปี 2026

  1. กระจกประหยัดพลังงาน Koolmax ที่ผ่าน EIA ช่วยกันความร้อนและประหยัดพลังงาน

  • กันรังสี UV ได้ถึง 99%
  • ความร้อนผ่านได้น้อย แต่ยังเปิดรับแสงธรรมชาติได้มาก
  • ช่วยให้อาคารผ่านมาตรฐาน EIA, LEED และ WELL
  • เหมาะกับอาคารสูงที่เน้นการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม

 

รวมรุ่นกระจก koolmax ที่ผ่านเกณฑ์ EIA

  • Koolmax KM Clear
  • Koolmax KM Green
  • Koolmax KM Clear Plus

 

  1. กระจกแผ่รังสีต่ำ Low-E Glass กระจกเพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน

  • สะท้อนความร้อนได้ดี ช่วยประหยัดพลังงาน
  • ทนต่อรอยขีดข่วน ดูแลรักษาง่าย
  • ช่วยให้อุณหภูมิในอาคารคงที่มากขึ้น

เหมาะสำหรับ

  • บ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม อาคารพาณิชย์
  • ศูนย์แสดงสินค้า ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์

 

  1. กระจกกันเสียง SoundCutz ยกระดับชีวิตให้เงียบสงบทุกเวลา

  • ค่ามาตรฐาน STC สูงกว่ากระจกทั่วไป
  • ลดเสียงรบกวนจากภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ
  • โครงสร้างแข็งแรง ปลอดภัย และช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอาคาร

 

รวมรุ่นกระจกกันเสียง SoundCutz

  • Single Cutz → STC = 38.1
  • Double Cutz → STC = 41.2
  • Triple Cutz → STC = 46

 

กระจกที่อยู่รอดในเทรนด์ปี 2026 ต้อง “มากกว่าความสวยงาม” โดยเฉพาะในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับทั้ง สิ่งแวดล้อม และ สุขภาวะของผู้คน กระจกอาคารไม่ได้เป็นเพียงวัสดุตกแต่งอีกต่อไป แต่คือ “หัวใจของสถาปัตยกรรมยั่งยืน”

 

เพราะอาคารที่ดี…เริ่มต้นจากกระจกที่เข้าใจโลก และเข้าใจคน
และนี่คือเหตุผลที่ TYK Glass พร้อมอยู่เคียงข้างนักออกแบบและสถาปนิก
เพื่อสร้างอาคารแห่งอนาคตที่ สวย ยั่งยืน และอยู่สบายอย่างแท้จริง

 

ดูรายละเอียดกระจกประหยัดพลังงานเพิ่มเติมได้ที่ koolmax

ดูรายละเอียดกระจกแผ่รังสีต่ำเพิ่มเติมได้ที่ Low E Glass

ดูรายละเอียดกระจกกันเสียงเพิ่มเติมได้ที่ soundcutz

 

Share the Post: