ทำไมแรงลมบนอาคารสูง ถึงมีผลต่อตึกกระจก

เคยสงสัยไหมว่าทำไมอาคารสูงใช้กระจกเหมือนบ้านพักอาศัยทั่วไปได้หรือเปล่า?
เพราะเวลาเราเงยหน้ามองตึกสูงระฟ้า ไม่ว่าจะเป็นคอนโดหรูใจกลางเมือง หรืออาคารสำนักงานสุดอลังการ สิ่งที่สะดุดตาที่สุดมักหนีไม่พ้น “กระจก” ที่ห่อหุ้มตึกเหล่านั้น แต่รู้ไหมว่า…กระจกที่ดูเงาวับสวยงามเหล่านี้ไม่ได้ถูกเลือกมาเพื่อความงามอย่างเดียว เพราะ “แรงลม” บนที่สูงมีพลังมากกว่าที่คิด และคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้การเลือกกระจกอาคารต้องคิดให้รอบคอบสุด ๆ
สำหรับเจ้าของอาคาร และสถาปนิกที่มีแผนงานกำลังจะสร้าง หรือรีโนเวทตึกสูงระดับ 10 เมตรขึ้นไป จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยแรงลมด้วยเช่นกัน บทความนี้ TYK Glass มีคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของการรับแรงลม รวมถึงชนิด และความหนากระจกตามข้อกฎหมายจากกฎกระทรวงมหาดไทยที่เคยบัญญัติไว้มาแนะนำ
แรงลมบนอาคารสูงคืออะไร แล้วน่ากลัวแค่ไหน?
แรงลมบนอาคารสูง จริง ๆ แล้วก็คือ แรงดันอากาศที่เกิดจากลมพัดกระทบกับผิวอาคาร แต่สิ่งที่ทำให้น่าสนใจก็คือ…ยิ่งตึกสูง แรงลมก็ยิ่งแรงกว่าบนพื้นดินหลายเท่า และเจ้าลมแรง ๆ นี่แหละ คือคู่ต่อสู้ตัวจริงของ “กระจกอาคาร”
ลองอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ:
-
บนพื้นดิน
ลมพัดแล้วเจอสิ่งกีดขวาง เช่น บ้าน ต้นไม้ อาคาร ทำให้แรงลมถูกลดทอนลงไปบ้าง
-
บนตึกสูง
ยิ่งสูงขึ้นไป สิ่งกีดขวางยิ่งน้อย → ลมพัดแรงตรง ๆ แบบไม่มีอะไรมาลดกำลัง ทำให้แรงดันบนผิวอาคารเยอะมาก
ทำไมแรงลมถึงเกี่ยวข้องกับกระจก?
หลายคนอาจคิดว่า กระจก = เรื่องของความโปร่งใสและดีไซน์ แต่ความจริงแล้ว กระจกคือเกราะด่านแรกที่รับแรงลมโดยตรง
ถ้าเลือกกระจกผิด: อาจเกิดการบิดงอ แตกร้าว หรือในเคสหนักคือแตกกระจาย เสี่ยงทั้งทรัพย์สินและชีวิต
ถ้าเลือกกระจกถูกต้อง: กระจกจะทำหน้าที่เหมือน “เกราะป้องกัน” ที่ทั้งแข็งแรง ปลอดภัย และยังสวยงามตามดีไซน์ที่วางไว้
ดังนั้น เวลาออกแบบตึกสูง แรงลมไม่ใช่แค่ตัวแปรเล็ก ๆ แต่คือ “ตัวกำหนดอนาคต” ของกระจกเลยทีเดียว
ปัจจัยที่ทำให้แรงลมบนอาคารสูงรุนแรงขึ้น
- ความสูงของอาคาร – ความสูงยิ่งมาก ความเร็วลมที่กระทบก็ยิ่งแรง
- ทำเลที่ตั้ง – ตึกที่ตั้งอยู่ริมทะเล หรือพื้นที่โล่ง จะโดนลมแรงกว่าในเมืองที่มีตึกบัง
- รูปทรงอาคาร – อาคารที่มีมุม มีช่องว่าง หรือดีไซน์พิเศษ จะทำให้เกิดแรงกด (ดันเข้าหากระจก)/ แรงดูดที่กระจกมากขึ้น (ดึงกระจกออกด้านนอก)
กระจกแบบไหนที่สู้แรงลมได้?
- กระจกต้องมีความหนาและคุณสมบัติพิเศษเพื่อรับแรงดันลมโดยไม่แตกร้าว
- ค่าประมาณการความหนาจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 มิลลิเมตร
- ต้องเลือกกระจกที่ผ่านการทดสอบแรงลม (Wind Load Test)
- ควรเลือกกระจกที่มีมาตรฐาน มอก.
- ต้องเป็นกระจกตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป เป็นกระจกลามิเนต (Laminated Glass) ประกบกันโดยมีวัสดุคั่นกลาง และวัสดุคั่นกลางต้องยึดเศษหรือชิ้นกระจกไม่ให้หลุดออกมา
- คุณสมบัติของกระจกจะต้องสามารถป้องกัน และลดอันตรายจากการบาดของเศษกระจกเมื่อกระจกแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถาปนิก/ วิศวกรเลือกกระจกอาคารสูงยังไงให้ปลอดภัย?
จริง ๆ แล้วการเลือกกระจกสำหรับอาคารสูงไม่ใช่แค่เรื่องของความชอบ แต่ต้องอิงกับ การคำนวณ Wind Load (ภาระจากแรงลม) ซึ่งจะพิจารณาตาม
- ความสูงอาคาร: โดยอาคารที่มีความสูง ตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป ต้องคำนึงถึงแรงลมที่กระทำต่อผนังและกระจกอาคาร
- พื้นที่กระจกที่รับแรงลม: โดยควรเลือกใช้ความหนาของกระจกจะถูกกำหนดตามความสูงของอาคาร, ขนาดพื้นที่กระจก และค่าความเร็วลมออกแบบในพื้นที่นั้น ซึ่งโดยทั่วไป กระทรวงมหาดไทยกำหนดให้ วิศวกรผู้ออกแบบ ต้องเลือกชนิดและความหนาของกระจกให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อป้องกันการแตกหรือหลุดร่วงที่อาจเป็นอันตราย
- มาตรฐานด้านความปลอดภัย: การออกแบบต้องอ้างอิงค่ามาตรฐานแรงลมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและมาตรฐานวิศวกรรม และควรเป็นกระจกที่ได้มาตรฐานการรับรองคุณภาพ เช่น มอก.
เลือกกระจกอาคารสูงยังไงให้ทั้งปลอดภัยและสวย
- อย่ามองแค่สวย: แต่ต้องถามว่า “กระจกนี้ทนแรงลมตามมาตรฐานได้หรือเปล่า?”
- พิจารณาระดับความสูง: ตึกยิ่งสูง กระจกยิ่งต้องแข็งแรงมากขึ้น
- เสริมด้วยดีไซน์: เลือกโทนสี การเคลือบ หรือการพิมพ์ลายบนกระจก ที่ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและความงาม
ตัวอย่างที่เห็นชัด เช่น Burj Khalifa ที่ใช้กระจกพิเศษรับแรงลมกว่า 240 กม./ชม. หรือ King Power Mahanakhon ที่ผนังกระจกเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ตึกทั้งปลอดภัยและโดดเด่นด้านดีไซน์
แรงลมกับตึกสูงเป็นของคู่กัน และ “กระจก” คือฮีโร่ตัวจริงที่คอยรับแรงลมแทนโครงสร้าง ถ้าเลือกถูก ทั้งปลอดภัย ทั้งสวย แต่ถ้าเลือกผิด…อาจเจอปัญหาที่ไม่คาดคิดตามมาภายหลัง